มิคสัญญีเร็วกว่าที่ควรเป็น

มิคสัญญี คืออะไร ทำไมต้องกลัว

                 มิคสัญญี คือ ่วงเวลาที่สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้นจะพบกับความลำบาก ทุกชาติ ทุกศาสนา คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหดร้ายประดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าสุดอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกัน เลือดจะนองแผ่นดินแผ่นน้ำ และจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติกันทั่วทุกทิศ ฆ่ากันอย่างเลือดเย็น แม่น้ำจะเต็มไปด้วยเลือด

           ซึ่งเมื่อยุคมิคสัญญีก้าวเข้ามาเร็วเกินไป ด้วยมีจิตอสุรกายขึ้นมาบนโลกมนุษย์จำนวนมาก เพราะแสงแห่งธรรมนั้นอ่อนลงไป น้องไนซ์บอกว่า เมื่อใดแสงธรรมสว่างไสวอสุรกายจะไม่เห็นภพของมนุษย์และขึ้นมาไม่ได้เนื่องจากมีแสงแห่งธรรมกั้นอยู่ แต่เมื่อใดแสงแห่งธรรมนั้นอ่อนลง(อันเนื่องจากมนุษย์ขาดศีลธรรมเป็นอันมาก) เมื่อนั้นอสุรกายจะขึ้นมาได้มาก และสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความวุ่นวาย เกิดความชั่วร้ายและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น...

          เบื้องบนจึงเสียสละลงมาเพื่อนำมนุษย์ที่จิตใส ชอบทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ ขึ้นไปสถิตย์ยังเบื้องบน และรอจนกว่าจะถึงยุคพระศรีอารย์แล้วจึงลงมาเกิดและสร้างบุญบารมีต่อ

          (องค์เพชรภัทรนาคานาคราช องค์เทพชั้นอนาคามีหนึ่งเดียวที่องค์พระศากยมุนีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งมาให้ช่วยเหลือมนุษย์ และเพื่อนำผู้ที่มีจิตใสกลับไปยังยุคพระศรีอารย์)

          น้องไนซ์กล่าว "น้องไนซ์กล่าวว่า แต่"น้องไนซ์มีวิธี" ด้วยการน้อมนำเอาธรรมะของพระพุทธองค์มาถ่ายทอด แยกแยะข้อธรรมออกให้ง่ายเข้า ให้สามารถเข้าใจและปฏิบัติได้โดยง่าย...นั่นคือ การสวดมนต์ และการนั่งสมาธิเจริญปัญญา จึงเป็นทางออกที่สำคัญ...

          ทำบุญอย่างเดียวไม่ทัน ต้องเจริญสติ เจริญปัญญา วิปัสนากรรมฐาน ควบคู่กันไป...

น้องไนซ์กล่าวว่า:

ภพภูมิมนุษย์ลงไป จะเป็นภพภูมิของนรก  ซึ่งภพภูมิของอสูรกายนั้นเหลื่อมกับภพภูมินรก คือคนละส่วนกัน ซึ่งณ.ตรงนั้นจะมีแสงแห่งธรรมกั้นไว้ มิให้ผ่านจากภพภูมินรกขึ้นมาสู่ภพภูมิมนุษย์ได้   แต่ ณ ปัจจุบันนี้ยุคมิคสัญญี ถูกร่นระยะเวลาให้มาเร็วกว่ากำหนด ซึ่งสภาวะจิตของมนุษย์นั่นแหละเป็นตัวกำหนดว่าจะเร็วขึ้น หรือ ถอยห่างไป เมื่อสภาวะทางโลกทำหน้าที่เต็มรูปแบบนั้น จิตของผู้อยู่ในภพภูมิ ที่เรากล่าวถึงจึงขึ้นมามากจนเกินกว่าผู้มีธรรมจะคงอยู่ในภพมนุษย์ได้... 

****************

"สวดมนต์ นั่งสมาธิ" กันทุกคนเพื่อช่วยยืดเวลานั้น  ก่อนที่จะมาถึงเร็วกว่า ที่ควรเป็น...


"ปาฏิหารย์มีอยู่จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิเป็นประจำ"

                                                                                                                               ....น้องไนซ์...

 ปริศนาธรรมโลกุตตระ  

โดย องค์เพชรภัทรนาคานาคราช ท่านอาจารย์น้องไนซ์นิรมิตเทวาจุติ

 ปริศนาธรรมโลกุตตระ          

 "เด็กน้อยจะนั่งเมือง  กาขาวจะคลี่ผ้าเหลือง  กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย  ถ้าถึงที่สุดแล้วกาขาวจะบินกลับสู่สถาพร"

เมื่ออาจารย์น้องไนซ์ถอดความหมายปริศนาธรรมโลกุตตระของหลวงปู่เสวกแบบประโยคต่อประโยค

ปริศนาธรรมประโยคแรก หลวงปู่เสวก: "เด็กน้อยจะนั่งเมือง"    น้องไนซ์ถอดปริศนาธรรมดังนี้  "ผู้รับถ่ายทอดธรรมจะไม่สอนโดยผู้ใหญ่ และไม่ใช่พระภิกษุ"

ปริศนาธรรมประโยคที่สอง หลวงปู่เสวก: "กาขาวจะคลี่ผ้าเหลือง"    น้องไนซ์ถอดปริศนาธรรมดังนี้  "ผู้รับถ่ายทอดธรรมมิต้องเป็นนักบวช แต่ท่านจะให้ข้อคิดข้อธรรมรวมถึงแนวทางการปฏิบัติธรรมแก่นักบวช และคนที่มีบุญสัมพันธ์กับท่าน   ผู้ที่ใช่หรือมีบุญสัมพันธ์จะไม่ลังเลสงสัย"

ปริศนาธรรมประโยคสาม หลวงปู่เสวก: "กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย"  น้องไนซ์ถอดปริศนาธรรมดังนี้  "ผู้ที่รับธรรมจะเกิดการต่อยอดในปัญญา แต่มีจำนวนไม่มากเท่าคนไม่ดี อีกนัยยะของความหมายนี้คือ คนชั่วจะกลับมาเฟื่องฟู คนดีอยู่ยาก จะเกิดอาเพศไปทั่ว"

ปริศนาธรรมประโยคสุดท้าย หลวงปู่เสวก: "แต่ถึงที่สุดแล้วกาขาวจะบินกลับสู่สถาพร"  น้องไนซ์ถอดปริศนาธรรมดังนี้  "โดยกาขาวจะนำพาดวงจิตของผู้ที่สั่งสมบุญบารมี ไปสถิตไว้เบื้องบนรอให้ข้ามยุคมิคสัญญีเพื่อลงมาเกิดในยุคพระศรีอารย์"     เป็นที่น่าแปลกใจในความหมายที่น้องถอดความมาคือ น้องมิได้เอ่ยขานถึงตัวบุคคลท่านใดเลยว่าเด็กน้อยจะนั่งเมืองคือผู้ใด และกาขาวจะคือผู้ใด กราบสาธุในธรรมแห่งองค์พระตถาคตที่น้องได้รับพรมาเพื่อถ่ายทอดส่งต่อถึงพวกเรา

         หมายเหตุ :  ตามพุทธทำนาย เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงเลยไปจนถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายในยุคนั้นจะพบกับความลำบากทุกชาติ ทุกศาสนา คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหดร้ายประดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าสุดอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกัน เลือดจะนองแผ่นดินแผ่นน้ำ และจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติกันทั่วทุกทิศ ฆ่ากันอย่างเลือดเย็น แม่นำ้จะเต็มไปด้วยเลือด

แต่ดินแดนใด บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงพระรัตนตรัย และคุณแห่งบิดามารดา เหตุร้ายต่างๆก็จะเบาบางแต่ก็จะหนีจากกฎธรรมชาติไม่พ้นในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก ชาวพุทธไม่ตั้งใจอยู่ในศีลธรรมเชื่อฟังคำสอนของคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพหลักธรรม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม  ส่วนผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบกลับจะไม่มีคนยำเกรง

         พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมีฉายส่องโลกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณ บังเกิดขึ้น จะดำรงพระศาสนาให้รุ่งเรืองไปอีกจนครบ 5000 ปี